- ผู้รักษาประตู : ควีวิน เคลเลเฮอร์
อย่างไรก็ดี ลิเวอร์พูล มี เคลเลเฮอร์ นายทวารมือสองที่ไว้ใจได้อยู่ทั้งคนเนื่องจากมือกาวทีมชาติ ไอร์แลนด์ แสดงให้เห็นมาโดยตลอดว่าไม่เคยทำให้สาวก เดอะ ค็อป ผิดหวังในทุกๆครั้งที่ได้เฝ้าตาข่ายโดยเฉพาะนับตั้งแต่ได้ลงเล่นแทนผู้รักษาประตูทีมชาติ บราซิล สามเกมหลัง เขามีส่วนพาทีมชนะรวดในศึก พรีเมียร์ลีก
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ อลิสซง ฟิตสมบูรณ์ คล็อปป์ ก็อาจเลือกใช้งาน เคลเลเฮอร์ ในเกมนี้อยู่ดีเหมือนเมื่อสองปีก่อนที่เขาได้ลงบู๊ และเซฟลูกโทษแบบมาราธอนช่วยให้ทีมชนะ เชลซี คว้าโทรฟี่ใบนี้มาครองได้สำเร็จ
เป็นที่ตั้งข้อสังเกตว่า ลิเวอร์พูล มีแนวโน้มปรับทัพในแผงแบ็คโฟร์มากที่สุดหากจะเทียบไลน์อัพกับเกมลีกนัดบู๊กับ เดอะ แฮตเตอร์
ที่แน่ๆ โรเบิร์ตสัน แบ็คซ้ายทีมชาติ สกอตแลนด์ ที่ฟิตเปรี๊ยะแล้วจะกลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมนี้แทนที่ โจ โกเมซ แบ็คซ้ายจำเป็นที่เล่นได้อย่างน่าประทับใจมาโดยตลอด
- กองกลาง : วาตารุ เอ็นโด , อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ , ไรอัน กราเฟนแบร์ค
ถึงขณะนี้แดนกลางของ ลิเวอร์พูล น่าจะมีความลงตัวแล้ว แม้อาจเป็นเรื่องบังเอิญหลังจาก โดมินิก โซโบซไล มีอันต้องร้างสนาม
ที่แน่ๆ เอ็นโด สร้างชื่อเป็นนักเตะหมายเลข 6 ของทีมได้อย่างเต็มตัวแล้วโดยสตาร์ทีมชาติ ญี่ปุ่น โชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่งมากขึ้นเป็นลำดับ และกลายมาเป็นตัวเลือกแรกของทีมอย่างสมควร
สำหรับอีกสองรายจะยังเป็นภาระของ กราเฟนแบร์ค กับ แม็ค อัลลิสเตอร์ เว้นก็แต่ว่าหากดาวเตะทีมชาติ ฮังการี หายเจ็บเมื่อไหร่ กองกลางทีมชาติ ฮอลแลนด์ ก็น่าจะต้องกลับไปรับบทตัวสำรอง
ถือเป็นจุดที่เดาใจ คล็อปป์ ได้ยากที่สุดโดยเฉพาะสองสตาร์อย่าง ดาร์วิน นูนเญซ กับ โม ซาลาห์ บาดเจ็บจนไม่มีส่วนร่วมในเกมต่อกรกับ ลูตัน