Menu
หน้าแรก
ดูบอลสด
ตารางบอล
วิเคราะห์บอล
เว็บบอร์ด
10 กลยุทธ์ของผู้นำ ที่ทำตามได้ง่ายๆ
10 กลยุทธ์ของผู้นำ ที่ทำตามได้ง่ายๆ
1. มีทัศนคติที่ดี
อันดับแรกในการเป็นผู้นำที่ดี คือคุณต้องเป็นคนที่สามารถมองทุกอย่างให้เป็นเรื่องบวกให้ได้ ผสานกับการมีทัศนคติที่ดี เพราะหากคุณเป็นคนที่มองเรื่องต่างๆ หรือพยายามคิดลบกับทุกปัญหาที่เข้ามา เรื่องราวเหล่านี้อาจเป็นการบั่นทอนจิตใจให้ตัวคุณเอง แถมยังอาจทำให้ลูกน้องเสียความมั่นใจตามไปด้วย ดังนั้นการมีทัศนคติที่ดีจึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญอย่างยิ่งในการเป็นผู้นำที่ดี
นอกจากนี้คุณยังต้องพยายามเป็นคนที่คิดนอกกรอบตลอดเวลา ไม่ยึดติดกับอะไรเดิมๆ ผสานกับการตั้งวิสัยทัศน์ให้กว้างๆ เข้าไว้ เพื่อให้ลูกทีมได้เห็นถึงภาพรวมว่าคุณจะนำพาทีมก้าวไปสู่ความสำเร็จได้อย่างไร หากมีอุปสรรคเกิดขึ้น ก็ต้องพยายามพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส มองเรื่องราวเหล่านั้นให้เป็นการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
2. ให้ความสำคัญกับคนในทีม
การจะก้าวไปสู่ความสำเร็จได้นั้น บางครั้งก็ไม่ได้เกิดขึ้นได้จากคนๆ เดียว แต่ต้องอาศัยคนทั้งทีมที่จะช่วยขับเคลื่อนให้การทำงานเดินหน้าต่อไปได้ ดังนั้นการให้ความสำคัญกับคนในทีมก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะพวกเขานี่แหละที่จะฟันเฟืองขับเคลื่อนให้ชิ้นงานเดินหน้าต่อไปได้ เพราะหัวหน้าอย่างคุณก็ต้องเป็นคนที่ทำหน้าที่ในการบริหารอยู่แล้ว
นอกจากนี้การเป็นหัวหน้าที่ดี ยังต้องเป็นคนที่มีความยุติธรรมให้หัวใจ พยายามอย่ามีลูกรักลูกชังในทีม ควรให้ความสำคัญกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน หากมีปัญหาหรือข้อพิพาทเกิดขึ้น ก็ควรตัดสินเรื่องราวนั้นๆ อย่างเป็นธรรมที่สุด
3. เป็นตัวอย่างที่ดี
การเป็นหัวหน้าทีมก็ย่อมได้รับความไว้วางใจจากลูกน้องอยู่แล้ว ยิ่งถ้าหากบางทีมมีเด็กจบใหม่อยู่ด้วย แล้วเขาเกิดประทับใจในการทำงานของคุณ เขาก็อาจจะยกให้เป็นคุณไอดอลในการทำงานของเขาก็ได้ ดังนั้นคุณจึงควรต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูกน้องในทุกๆ ด้าน ทั้งในเรื่องของการทำงาน การปฏิบัติตัวต่างๆ หรือแม้กระทั่งวินัยในการทำงาน
อีกทั้งหากคุณคาดหวังให้พวกเขาทำงานให้คุณได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พวกเขาก็ต้องคาดหวังภาวะการเป็นผู้นำที่ดีจากคุณด้วยเช่นกัน เพราะคงไม่ลูกน้องคนไหนที่ไม่อยากก้าวหน้าหรืออยากเห็นทีมของตัวเองล้มเหลวหรอก
4. ยอมรับผิดและขอโทษให้เป็น
หากมีข้อผิดพลาดในการทำงานเกิดขึ้น จงท่องไว้เสมอว่าการขอโทษไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย แต่เป็นสิ่งที่ผู้นำที่ดีควรทำเสียด้วยซ้ำ แล้วจงระลึกไว้เสมอว่าในโลกของการทำงานย่อมต้องมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ทุกวันอยู่แล้ว หากความผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นจากการตัดสินใจของคุณเอง ยิ่งต้องยอมรับผิด ไม่ควรปัดความรับผิดชอบให้คนอื่น และหาทางแก้ไขให้เร็วที่สุด
แต่ถ้าหากเป็นความผิดที่เกิดขึ้นจากลูกน้องของคุณ ก็ควรตักเตือนด้วยถ้อยคำที่สุภาพ ไม่ควรใช้ถ้อยคำรุนแรงเด็ดขาด เพราะนั่นอาจทำให้เขาเสียกำลังใจในการทำงานได้ อีกทั้งยังควรหาทางออกร่วมกันในการแก้ไขปัญหานั้น และเรียนรู้ที่จะทำอย่างไรให้ความผิดพลาดครั้งใหม่ที่จะตามมาเกิดขึ้นน้อยที่สุด นอกจากนี้ในฐานะผู้นำยังไม่ควรที่จะคร่ำครวญถึงปัญหา ไม่ควรบ่นหรือใช้อารมณ์กับปัญหานั้นๆ เด็ดขาด เพราะอาจกลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก้ลูกน้องได้
5. กระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกน้อง
การต้องตื่นมาทำงานในทุกๆ วัน 5 วันต่อสัปดาห์ อย่างไรเสียก็ย่อมต้องมีความเบื่อหน่ายหรืออาการ Burn Out เกิดขึ้นได้เสมอทั้งกับตัวลูกน้องของคุณหรือแม้กระทั่งตัวคุณเองก็ตาม ดังนั้นการเป็นหัวหน้าที่ดีจึงต้องคอยกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกน้องอยู่เสมอ ให้พวกเขารู้สึกไม่เบื่อในการทำงาน และคิดว่าความท้าทายและความสนุกสนานในการทำงานยังเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ
นอกจากนี้การหาเวลาคุยกับลูกทีมแบบ One on One หรือการให้ Feedback พวกเขาอยู่เสมอ ก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ อย่าไปกลัวว่าหากคุณวิจารณ์การทำงานของพวกเขาแล้วจะทำให้ลูกน้องเกลียด แต่ทุกคนย่อมต้องได้รับรู้ถึงคุณภาพในการทำงานของตัวเองด้วยกันแทบทั้งสิ้น แต่ก็ต้องเตือนพวกเขาด้วยถ้อยคำที่สุภาพ อย่าใช้อารมณ์หรือคำพูดแย่ๆ เด็ดขาด เพราะถ้าคุณใช้คำพูดที่ดีกับพวกเขา ก็เป็นช่องให้พวกเขาเปิดใจการปรับปรุงตัวเองได้ง่ายขึ้น
6. ให้ความสำคัญกับทุกความสำเร็จ แม้จะเป็นความสำเร็จเล็กๆ
ส่วนถ้าหากมีความสำเร็จในการทำงานของทีมเกิดขึ้น ก็ต้องอย่าลืมที่จะชื่นชมยินดีในความสามารถของพวกเขา แม้ความสำเร็จนั้นจะเป็นเรื่องราวเล็กๆ ก็ตาม เพราะความสำเร็จอันเล็กน้อยมักจะนำพาไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เสมอ อีกทั้งการกล่าวชื่นชมลูกน้องนั้น ยังถือเป็นการสร้างแรงบันดาลใจชั้นดี ที่จะทำให้พวกเขามีไฟในการทำงานมากขึ้น และพร้อมที่จะสู้กับงานชิ้นใหม่ และผลิตผลงานออกมาได้อย่างมีคุณภาพมากที่สุด
7. วางคนให้เหมาะสมกับงาน
การเป็นผู้นำที่ดีนั้นนอกจากจะต้องบริหารคนให้มีคุณภาพแล้ว ยังต้องรู้จักการจัดสรรคนให้ตรงกับงานที่ได้รับมอบหมายอีกด้วย โดยคุณจะต้องเรียนรู้ในตัวลูกน้องให้ดีเสียก่อนว่าพวกเขามีความถนัดทางด้านไหน สามารถทำงานชิ้นไหนได้ดี หรือจุดไหนที่สามารถนำทักษะของพวกเขามาต่อยอดกับงานให้เกิดประสิทธิภาพได้ โดยคุณอาจลองสังเกตพฤติกรรมของแต่ละคนในทีม เพื่อการมองเห็นภาพที่ชัดขึ้น
รวมไปถึงเรื่องของการสอนงานก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะบางคนมีทักษะในตัวเองแต่ยังไม่รู้ว่าจะดึงมันออกมาใช้ได้อย่างเต็มภาคภูมิได้อย่างไร ดังนั้นหัวหน้าที่ดีจึงมีหน้าที่ในการไกด์พวกเขาให้รู้ว่าตัวเองเก่งทางด้านไหนและจะดึงทักษะนั้นๆ ออกมาใช้ได้อย่างไร อีกทั้งการสอนงานยังมีส่วนช่วยในการลดความผิดพลาดของงานที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย
8. สร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน
เรื่องของบรรยากาศในการทำงานหรือบรรยากาศของทีมก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะแค่วันๆ ที่ต้องตื่นเช้ามาทำงานก็น่าเบื่อจะแย่อยู่แล้ว แต่ถ้าหากบรรยากาศในทีมดี เพื่อนร่วมงานทุกคนรักกันและพร้อมช่วยเหลือกัน ก็ย่อมจะมีส่วนช่วยให้ทุกคนอยากตื่นมาทำงานกันมากขึ้น เพราะต่อให้งานหนักแค่ไหน หากเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าทีมเข้าใจกัน พร้อมซัพพอร์ตกัน ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว
โดยหน้าที่ของผู้นำก็คือควรสนับสนุนให้ลูกน้องมีความรักใคร่ ปรองดองกัน พยายามอย่าให้เกิดความขัดแย้ง หรือมี Toxic People ในทีมเด็ดขาด รวมไปถึงการสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานระหว่างให้ลูกทีมเกิดความผ่อนคลาย ก็จะมีส่วนช่วยให้พวกเขาลดความเครียดจากงานที่ถาโถมเข้ามาได้
9. ให้เกียรติลูกน้องเสมอ
อย่าลืมว่าลูกน้องของคุณเป็นคนไม่ใช่เครื่องจักรในการผลิตชิ้นงานให้แก่คุณ ดังนั้นเรื่องราวของการให้เกียรติพวกเขาก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน ควรสั่งงานพวกเขาด้วยถ้อยคำที่สุภาพ หากมีความผิดพลาดเกิดขึ้นก็ควรให้ฟีดแบคอย่างสุภาพเช่นกัน สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้เขายอมรับในความผิดพลาดและพร้อมพัฒนาตนเองได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงเรื่องส่วนตัวด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงน้ำใจต่อลูกน้องในรูปแบบต่างๆ เช่น พาไปเลี้ยงในโอกาสสำคัญ หรือการฉลองในเทศกาลต่างๆ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของคนในทีมในแน่นแฟ้นและสนิทกันมากยิ่งขึ้นด้วย
10. ไม่หยุดพัฒนาตนเอง
ข้อสุดท้ายก็กลับมาที่เรื่องของตัวคุณเอง การเป็นหัวหน้าที่ดีนั้นไม่ควรที่จะหยุดเรียนรู้และพัฒนาตนเองด้วยเช่นกัน เพราะหัวหน้าที่ดีไม่ใช่คนที่อยู่บนหอคอยงาช้าง ที่จะนั่งเชิดๆ สวยๆ ปิดรับการเรียนรู้หรือพัฒนาทักษะตนเอง อย่าลืมว่าเรื่องของการเรียนรู้นั้นไม่มีวันสิ้นสุด อย่างไรเสียปัญหาต่างๆ ก็ย่อมจะเข้ามาให้หัวหน้าอย่างคุณต้องแก้แบบรายวันอยู่แล้ว
เพราะหากคุณหมั่นพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ก็ย่อมที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูกน้องให้เกิดแรงบันดาลใจในการฝึกฝนและพัฒนาตัวเองด้วยเช่นกัน ทั้งในเรื่องของการทำงาน วินัยการทำงาน และเรื่องส่วนตัว อีกทั้งคุณยังควรกระตุ้นให้พวกเขาพัฒนาตัวเองควบคู่ไปกับพัฒนาตัวคุณด้วย เพราะในทุกๆ องค์กรก็ย่อมมีการประเมินศักยภาพของพนักงานเรื่อยๆ อยู่แล้ว
ตอบคำถาม
ตั้งคำถามใหม่
โพสต์โดย : ขั้นเทพ
เมื่อ 11 ก.พ. 2567 16:55:04 น. อ่าน 63 ตอบ 0
Member
Login
ลืมรหัสผ่าน
|
สมัครสมาชิกใหม่
ดูฟุตบอลออนไลน์