นอกจากนี้ มิลานยังเป็นเมืองหลวงแห่งการค้าพาณิชย์ของอิตาลี อันเป็นสถานที่ซึ่งเวลามีความสำคัญ ตั๋วเข้าชมแบบไม่ต้องต่อคิวและสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ช่วยให้ประหยัดเวลาได้เป็นมาตรฐานที่จะอำนวยประโยชน์ให้คุณหากคุณมีเวลาเที่ยวชมมิลานเพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น เราพิจารณาประเด็นดังกล่าวข้างต้น รวมถึงรีวิวมากมายบน
Tripadvisor เพื่อสร้างแผนการเดินทางด้านล่าง ซึ่งมุ่งเน้นไปยังสิ่งที่เป็นไฮไลท์เพื่อให้แน่ใจได้ว่าคุณจะมีเวลาสุดพิเศษในการท่องเที่ยวมิลานตลอดทั้งวัน
วางแผนเริ่มออกเที่ยวแต่เช้าตรู่ เพราะนี่คือวิธีเดียวที่ไม่ต้องเบียดเสียดกับผู้คนที่อาสนวิหารมิลาน
(Duomo di Milano) ที่นี่เป็นโบสถ์ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอิตาลี
(และใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก) โดยอาสนวิหารแห่งนี้ทำให้มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในกรุงโรมดูเล็กไปถนัดตา ถึงกระนั้นก็ตาม นักท่องเที่ยวอาจแน่นจนเบียดเสียดกันได้ในช่วงสาย ดังนั้นในการซื้อตั๋วล่วงหน้าจึงควรจองช่วงเวลาแรกสุดที่เปิดให้เข้าชม
(เป็นเวลา 08:00 น. เกือบทุกวัน) และเลือกตั๋วเข้าชมแบบไม่ต้องต่อคิวถ้าสามารถทำได้
- หากคุณมีเวลาเพียงแค่ 1 วันในมิลาน ทุกนาทีจะมีความหมาย ในทัวร์แบบมีไกด์นำชมอาสนวิหารและชั้นดาดฟ้าโดยไม่ต้องต่อคิว ซึ่งใช้เวลา 2.5 ชั่วโมงนี้ คุณจะเดินเข้าไปใช้ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้นดาดฟ้าได้เลย
(แทนที่จะต้องเดินขึ้นบันได) ทำให้คุณมีเวลาเที่ยวชมจุดต่างๆ ได้มากขึ้น
- คุณสามารถเที่ยวชมอาสนวิหารมิลานได้ด้วยตัวคุณเองอย่างแน่นอน แต่หากคุณต้องการเห็นจัตุรัสที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักและสวนที่ซ่อนตัวอยู่ในบริเวณโดยรอบ ให้เลือกทัวร์เดินเที่ยวส่วนตัว 3 ชั่วโมง ซึ่งจะนำคุณไปชมสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งไม่ค่อยมีคนที่รู้จักและซ่อนตัวอยู่โดยรอบอาสนวิหารมิลาน
- หาตั๋วเข้าชมภาพวาด “อาหารค่ำมื้อสุดท้าย
(The Last Supper)” ไม่ได้ใช่หรือไม่ ให้จองทัวร์ด่วน 45 นาทีแทน คุณจะได้สิทธิ์เข้าชมผ่านช่องทางพิเศษ ตลอดจนเรียนรู้เกี่ยวกับผลงานและชีวิตของดาวินชี
(Da Vinci) จากไกด์ผู้รอบรู้
หากคุณเริ่มรู้สึกหิว ที่นี่มีร้านอาหารมากมายทั้งภายในและโดยรอบศูนย์การค้ากัลเลเรียวิตโตริโอเอมานูเอเลเซกอนโด หากต้องการชิมแซนด์วิชที่ดีที่สุดในมิลาน ให้ลองรับประทานของร้านเซซาริโน
(Cesarino) เมนูบนกระดานดำยาวจนน่าตกใจ ครั้งล่าสุดที่ไปเรานับรายการอาหารต่างๆ ได้มากกว่า 40 รายการ แต่ขอแนะนำพาร์มาแฮมใส่มอสซาเรลลาชีส มะเขือเทศ และโหระพาฝรั่ง สั่งอาหารที่เคาน์เตอร์ แล้วเพลิดเพลินไปกับแซนด์วิชที่โต๊ะด้านนอกซึ่งมีการจัดร่มไว้บังแดด
เมื่อคุณเติมพลังแล้ว ให้เดินขึ้นไปทางเหนือสัก 2-3 ช่วงตึก คุณจะพบกับโรงละครเตอาโตรอัลลาสกาลา
(Teatro alla Scala) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้พูดภาษาอังกฤษส่วนใหญ่เป็นชื่อสั้นๆ ว่า “ลาสกาลา
(La Scala)” แค่ไปเที่ยวชมงานตกแต่งภายในที่สวยงามตระการตาก็คุ้มค่าแล้ว แต่หากมีการซ้อมหรือการแสดง คุณก็อาจจะไม่ได้เห็นอะไรมากนัก ควรซื้อตั๋วเข้าชมการแสดงที่นี่สักรายการจากที่มีอยู่มากมาย ตั้งแต่โอเปร่า บัลเลต์ ไปจนถึงซิมโฟนี
เดินไปไม่ไกลก็จะถึงแกลเลอรีปีนาโกเตกาดิเบรรา
(Pinacoteca di Brera) ซึ่งเป็นหอศิลป์ที่ตั้งอยู่ในอารามสมัยศตวรรษที่ 19 ผลงานของการาวัจโจ
(Caravaggio) และผลงานของราฟาเอล
(Raphael) ดึงดูดใจเรามาก แต่เรารู้สึกแปลกใจที่ได้พบผลงานชิ้นที่เราโปรดปราน นั่นคือ “การคร่ำครวญถึงพระคริสต์ผู้สิ้นพระชนม์
(Lamentation Over the Dead Christ)” อันเป็นผลงานชั้นครูของมันเตญญา
(Mantegna) ผู้เป็นศิลปินซึ่งไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก ภาพนี้วาดขึ้นในปี ค.ศ. 1483 โดยใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การทำภาพย่นระยะย้อนสายตา
(foreshortening) ซึ่งเป็นเทคนิคใหม่ในยุคนั้น และยังเป็นเทคนิคที่ทันสมัยอย่างน่าทึ่งแม้ในปัจจุบัน
จากนั้น เดินทางไปยังโบสถ์พระแม่มารีย์แห่งพระหรรษทาน ซึ่งเป็นคุณจะได้พบกับจิตรกรรมฝาผนังที่ชาวอิตาเลียนเรียกว่า “อิลเชนาโกลา
(Il Cenacolo)” แต่เราทุกคนจะรู้จักกันในชื่อ “อาหารค่ำมื้อสุดท้าย” คุณจะต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือนๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณจะเดินทางไปเที่ยวในช่วงวันหยุด หากคุณประสบปัญหาการหาตั๋วสำหรับช่วงเวลาที่คุณอยู่ในมิลาน ให้จองทัวร์แบบมีไกด์นำเที่ยวผ่านบริษัทท้องถิ่น ไกด์จะนำคุณเข้าไปด้านใน และแม้คุณจะมีเวลาชมภาพวาดดังกล่าวเพียง 15-20 นาที แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ายิ่งที่ได้มีโอกาสสัมผัสความดื่มด่ำกับผลงานศิลปะที่ยอดเยี่ยมชิ้นหนึ่งของโลกอย่างใกล้ชิด
หากคุณมีเวลาชมโบสถ์ได้อีกสักแห่ง ขอแนะนำมหาวิหารเซนต์อัมโบรส
(Basilica di Sant'Ambrogio) ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ช่วงตึก ที่นี่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 4 และได้รับนามตามผู้สร้างคือเซนต์อัมโบรส
(Saint Ambrose) อย่าพลาดชมแท่นบูชายุคศตวรรษที่ 9 ซึ่งประดับประดาด้วยทองคำและอัญมณีล้ำค่า
ช่วงเย็น: ท่องเมืองยามราตรี
หากคุณหาตั๋วเข้าชมการแสดงที่ลาสกาลาได้ในค่ำคืนนี้ คุณอาจต้องการหาอะไรกินก่อนจะกลับไปที่โรงแรมเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสุดเก๋ รอขอแนะนำร้านพิซ
(Piz) ซึ่งอาจให้บริการพิซซ่าที่ดีที่สุดในมิลาน โดยมีเมนูให้เลือกเพียง 3 รายการ ได้แก่ พิซซ่ามาร์เกริตา
(margherita) พิซซ่ามารินารา
(marinara) และพิซซ่าเบียงกา
(bianca) ซึ่งล้วนอร่อยทุกเมนู ข้อดี: เดินจากโบสถ์ที่จัดแสดงภาพวาด “อาหารค่ำมื้อสุดท้าย” ไปได้โดยใช้เวลาไม่นาน
ผู้ที่ไม่ได้ชมการแสดงที่โรงโอเปราในช่วงกลางคืนสามารถจองโต๊ะได้ที่ร้านกันติเนมิลาโน ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องไวน์ ที่ร้านอาหารซึ่งได้รับคะแนนสูงแห่งนี้ แขกจะเลือกไวน์ที่ตนเองต้องการ จากนั้นพนักงานจะเสนออาหารที่จับคู่กันได้ลงตัวที่สุด เช่น หากเลือกไวน์เนบบิโอโล
(Nebbiolo) ทางร้านอาจจะเสิร์ฟตัลโญลินีเห็ดทรัฟเฟิลกับฟองดูพาร์เมซานชีสให้คุณ ร้านอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านอิโซลา
(Isola) ซึ่งเป็นแหล่งชุมนุมของเหล่าฮิปสเตอร์ทางด้านเหนือของใจกลางเมือง จึงมีบาร์มากมายในบริเวณใกล้เคียงซึ่งคุณสามารถสนุกสนานส่งท้ายคืนได้ ลองชิมค็อกเทลซึ่งชงด้วยจินแบบจำนวนจำกัดที่ร้านเดอะโบทานิคัลคลับ
(The Botanical Club)