ชานมไข่มุก เป็นเครื่องดื่มที่หลายคนชื่นชอบ ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามหักห้ามใจไม่ให้กินเยอะเกินไป เพราะความหวาน น้ำตาลมาก และยังมีไข่มุกหนุบหนับแสนอร่อยที่ทำจากแป้ง เรียกได้ว่าเมนูนี้เป็นเป็นศัตรูของคนต้องการลดน้ำหนักทีเดียว... ตัวไข่มุกในชานมร้ายกาจขนาดนั้นจริงหรือ? HonestDocs ขอเสนอข้อมูลอีกด้าน ด้วยคุณค่าทางโภชนาการของแป้งมันสำปะหลัง วัตถุดิบที่ใช้ทำไข่มุก
2.
แป้งมันสำปะหลังไม่มีคอเลสเตอรอล ใครๆ ก็รู้ว่า คอเลสเตอรอลสูงนั้นก่อให้เกิดการอุดตันในเส้นเลือด จนกลายเป็นภาวะหลอดเลือดแข็ง และนำไปสู่หัวใจขาดเลือด หัวใจวาย หรือเป็นโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ได้
3.
แป้งมันสำปะหลังมีใยอาหาร สำหรับไข่มุกในชานม ไข่มุก 1 ถ้วยมีไยอาหาร 1.5 กรัม แม้จะไม่เยอะมาก แต่ก็เป็นทางเลือกแสนอร่อยที่ช่วยให้คุณได้รับใยอาหารเพิ่ม จนเข้าใกล้ปริมาณที่ควรได้รับต่อวันมากขึ้น (ปริมาณใยอาหารที่ควรได้รับต่อวันอยู่ที่ 21-38 กรัม ซึ่งประโยชน์ของใยอาหารก็คือช่วยลดคอลเสเตอรอล รักษาระดับน้ำตาลในเลือด และป้องกันท้องผูก
4.
แป้งมันสำปะหลังย่อยง่าย เมื่อเปรียบเทียบกับแป้งที่ทำจากธัญพืชหรือถั่ว แป้งมันสำปะหลังนั้นย่อยง่ายกว่า จึงเป็นแหล่งพลังงานที่ดี โดยเฉพาะผู้มีภาวะบางอย่าง เช่น ผู้เป็นโรคลำไส้แปรปรวน หรือเป็นถุงผนังลำไส้อักเสบ
5.
แป้งมันสำปะหลังช่วยเพิ่มน้ำหนักโดยไม่ทำลายสุขภาพ ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการผอม บางคนก็ต้องทำน้ำหนักด้วยเหตุปัจจัยบางอย่าง ขนมที่ทำจากแป้งมันสำปะหลังเช่น พุดดิ้ง ไข่มุก เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากไข่มุก 1 ถ้วยนั้นให้คาร์โบไฮเดรต 135 กรัม ให้พลังงาน 544 แคลอรี่ หากต้องการเพิ่มน้ำหนัก คุณสามารถเลือกกินพุดดิ้งมันสำปะหลังวันละ 1 ถ้วย ในนั้นจะมีพลังงานทั้งจากคาร์โบไฮเดรตและไขมันเล็กน้อย ทำให้น้ำหนักขึ้นได้โดยไม่ต้องเผชิญกับผลเสียที่เกิดจากไขมันที่มากเกินไปและคอเลสเตอรอล
6.
แป้งมันสำปะหลังเป็นแหล่งแคลเซียม แคลเซียมเป็นแร่ธาตุสำคัญของร่างกาย ซึ่งมีความสำคัญต่อกระดูกและฟัน รวมไปถึงเลือด กล้ามเนื้อ สารสื่อประสาท ฯลฯ มีข้อมูลบ่งชี้ว่าทุกคนจะสูญเสียแคลเซียมไปทุกวันๆ ผ่านทางผิวหนัง เหงื่อ ปัสสาวะ และอุจจาระ โดยที่ร่างกายไม่สามารถสร้างแคลเซียมขึ้นมาทดแทนได้ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น ในเรื่องนี้ไข่มุกในชานมสามารถช่วยได้นิดหน่อย กล่าวคือ ในไข่มุก 1 ถ้วยจะมีแคลเซียม 30 มิลลิกรัม ซึ่งคิดเป็นประมาณ 3 % ของปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ถึงแม้ว่าดูเหมือนเป็นปริมาณไม่มาก แต่ก็ถือว่าช่วยได้ส่วนหนึ่ง
7.
แป้งมันสำปะหลังมีโซเดียมต่ำ คนส่วนใหญ่กินโซเดียมมากไป โดยเฉพาะโซเดียมที่มีอยู่ในขนมกรุบกรอบ อาหารแปรรูป เครื่องปรุง ซึ่งมีผลทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง แป้งมันสำปะหลังประกอบด้วยโซเดียมปริมาณน้อย โดยไข่มุกในชานม 1 ด้วยนั้นมีโซเดียมเพียง 2 มิลลิกรัมเท่านั้น
8.
แป้งมันสำปะหลังเป็นแหล่งโฟเลต คือวิตามินบีชนิดหนึ่งซึ่งร่างกายของคุณต้องการเพื่อใช้ในการสร้าง DNA และการแบ่งเซลล์ นอกจากนี้โฟเลตยังเป็นสารอาหารสำคัญสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะหลอดประสาทไม่ปิดแก่ลูกในครรภ์ เช่น โรคดาวน์ซินโดรม นอกจากนี้การขาดโฟเลตยังอาจทำให้เกิดโรคเลือดจาง ไข่มุกในชานม 1 ถ้วยมีโฟเลต 6 ไมโครกรัม นับเป็น 2 % ของปริมาณโฟเลตที่แนะนำในแต่ละวัน
9.
แป้งมันสำปะหลังเป็นแหล่งแมงกานีส ไข่มุกในชานม 1 ถ้วยมีแมงกานีสคิดเป็น 8 % ของปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน แมงกานีสเป็นแร่ธาตุที่พบน้อยแต่มีความจำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญแป้ง คอเลสเตอรอล และกรดอะมิโน นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมการทำงานของกระดูกและการพัฒนาของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
10.
แป้งมันสำปะหลังเป็นแหล่งธาตุเหล็ก แป้งมันสำปะหลังเป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดี ไข่มุก 1 ถ้วยนั้นให้ธาตุเหล็กมากถึง 13 % ของปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน ธาตุเหล็กพบในฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่ส่งออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย หากคุณได้รับเหล็กไม่เพียงพอ อาจทำให้มีความเสี่ยงเกิดภาวะเลือดจาง ซึ่งมีผลข้างเคียงร้ายแรงได้ เช่น เจ็บหน้าอก อ่อนเพลีย หายใจได้ไม่ลึก
11.
แป้งมันสำปะหลังช่วยให้คุณอิ่ม แม้ว่าอาหารที่ทำจากจากแป้งมันสำปะหลังจะไม่ได้ช่วยลดน้ำหนัก แต่อาหารพวกนี้กินแล้วอิ่มไปอีกนาน ด้านหนึ่งก็เป็นข้อดีที่คุณจะไม่ต้องกินเยอะจนเกินไป