แสงเหนือหรือแสงออโรร่า
( Northern Lights or Aurora Borealis ) เป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ธรรมชาติบนท้องฟ้า ที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากใฝ่ฝันจะได้ไปเห็นสักครั้งในชีวิต ความมหัศจรรย์ของลำแสงสีเขียว ซึ่งบางครั้งก็เป็นสีแดงและสีม่วงที่พลิ้วไหวพาดผ่านท้องฟ้า สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจ เป็นประสบการณ์ที่ควรหาโอกาสไปสัมผัสให้ได้สักครั้งนะคะการจะได้ชมแสงเหนือนั้น นอกจากการประเทศและทำเลที่ตั้งที่เป็นจุดหมายปลายทางแล้ว ยังมีปัจจัยสำคัญอีกหลายตัวแปร เช่น สภาพอากาศ ท้องฟ้าต้องปลอดโปร่ง และค่าของพายุสุริยะ
( Solar Storm ) ที่เรียกว่าค่า
Auroral Activity ซึ่งยิ่งสูงโอกาสที่เห็นแสงเหนือหรือแสงออโรร่าก็จะมีมากขึ้น ในวันนี้ เราจะมาทำการพูดถึงทำเลยอดเยี่ยมในการชมปรากฎการณ์นี้ โดย
Expedia ได้ทำการรวบรวมประเทศที่ “นักล่าแสงเหนือ” ต้องห้ามพลาดไปเก็บภาพบรรยากาศสุดฟินมาฝากกันค่ะ
เที่ยว 6 ประเทศ ชมแสง Aurora สุดฟิน
หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า “แสงเหนือไอซ์แลนด์” มาก่อน เพราะไอซ์แลนด์เป็นประเทศตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่เหล่านักล่าแสงเหนือหรือแสงออโรร่าไม่ควรพลาด ประเทศที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและไร้มลพิษแห่งนี้ เป็นเสมือนจุดยุทธศาสตร์ในการชมแสงเหนือคุณสามารถเห็นแสงเหนือไอซ์แลนด์ได้โดยไม่ต้องขับรถไปไกลจากเมืองหลวง
Reykjavik หรือใครเลือกที่จะอยู่ชมแสงเหนือในตัวเมืองก็เป็นไปได้ แต่จะไม่ชัดมากนัก
นอกจากเมืองหลวง
Reykjavik แล้ว ทางตะวันตกของประเทศบริเวณภูเขา
Kirkjufell ซึ่งห่างจากตัวเมืองหลวงประมาณ 2 -3 ชั่วโมง ทางตอนเหนือของประเทศบริเวณ
Westfjords และทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์บริเวณ
JökulsárlönGlacier Lagoon ซึ่งห่างจากตัวเมืองหลวงใช้ประมาณ 5-6 ชั่วโมง ก็ถือเป็นจุดชมแสงเหนือที่สวยงามอีกด้วย แต่จริง ๆ แล้วไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่คุณจะมีโอกาสเห็นแสงเหนือได้จากในทุก ๆ ที่ถ้าสภาพอากาศและค่า
Auroral Activity อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
ประเทศสวีเดนเป็นอีกหนึ่งประเทศจุดหมายปลายทางสำหรับนักล่าแสงเหนือทางตอนเหนือสุดของประเทศ หรือ
Lapland ของประเทศสวีเดนนั้น เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการชมแสงเหนือหรือแสงออโรร่าแบบตระการตา โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาหิมะ ธารน้ำแข็ง และทะเลสาบที่สวยงาม สถานที่สำหรับชมแสงเหนือที่มีชื่อเสียงของประเทศสวีเดนมีอยู่หลายที่ด้วยกัน เช่น
Aurora Sky Station สถานีชมแสงเหนือในอุทยานแห่งชาติอบิสโก
Abisko National Park ที่นี่คุณจะต้องขึ้นกระเช้าไปยังตัวสถานีด้านบนภูเขา
Abisko National Park มีความโดดเด่นในเรื่องท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง ทำให้มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้มากเป็นพิเศษ
ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของสวีเดน ที่เป็นจุดชมแสงเหนืออันสวยงามไม่แพ้กัน บริเวณทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ หรือ
Lapland เป็นพื้นที่ยอดนิยมในการเดินทางไปชมแสงเหนือ สถานที่ยอดนิยมจะอยู่ที่เมืองทรอมโซ
Tromsøเมืองท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ตรงกลางของวงแหวนออโรร่า
( Aurora Oval ) บวกกับอากาศที่ดี ไร้มลพิษทำให้มีโอกาสที่จะได้เห็นแสงเหนือค่อนข้างสูงนอกจากเมืองทรอมโซแล้ว อีกที่หนึ่งที่นักล่าแสงเหนือไม่ควรพลาดก็คือ
Lofoten Islands หมู่บ้านสวย ๆ ล้อมรอบด้วยภูเขาและทะเล นอกจากจะเป็นจุดชมแสงเหนือแบบเอกซ์คลูซีฟแล้ว ยังมีฉากหลังเป็นหมู่บ้านสวย ๆ อีกด้วย
หรือ
Inari Lake ทะเลสาบขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สามของฟินแลนด์ก็เป็นอีกหนึ่งที่ที่ต้องปักหมุด รวมถึงอุทยานแห่งชาติ
Luosto และ
Oulanka ก็เป็นอีกสถานที่ที่ไร้แสงอื่น ๆ รบกวน ทำให้มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้แบบฟิน ๆ มากขึ้น
ประเทศหนึ่งเดียวที่เราสามารถไปดูแสงเหนือได้แบบไม่ต้องขอวีซ่าคือประเทศรัสเซีย และแสงเหนือที่นี่ก็สวยงามตระการตาไม่แพ้ที่ไหน ๆ เลยล่ะค่ะ เมืองที่เป็นสถานที่ยอดนิยมคือ
Murmansk เมืองทางตอนเหนือ ซึ่งเป็นเหมือนประตูสู่การชมแสงเหนือของประเทศรัสเซีย นอกจากจะได้ชมแสงเหนือที่สวยงามแล้ว ยังจะได้สัมผัสวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชาวเมืองรัสเซียที่นี่อีกด้วย
จาก
Murmansk ไปทางใต้จะมีเมืองที่เรียกว่า
Severodvinsk ซึ่งเป็นสถานที่ที่คุณสามารถเห็นแสงเหนือได้ชนิดที่คนพื้นเมืองบอกว่าไม่ต้องขับรถออกจากตัวเมืองเลยทีเดียว ใครอยากไปชมแสงเหนือแบบฟิน ๆ ง่าย ๆ ไม่ต้องขอวีซ่า ก็ต้องที่รัสเซียนี่ล่ะค่ะ
นอกจากปรากฎการณ์แสงเหนือแล้ว ยังมีอีกหนึ่งปรากฎการณ์ที่คล้าย ๆ กันคือแสงใต้ หรือ
Aurora Australia ซึ่งจะปรากฏขึ้นที่
Tasmania รัฐทางตอนใต้ของออสเตรเลียอีกด้วย แสงใต้ที่นี่จะเห็นได้ตลอดปี ถ้าท้องฟ้าปลอดโปร่ง และมีค่า
Aurora Activity ที่สูง โดยเฉพาะในช่วงเดือนกันยายนมักจะเป็นเดือนที่สังเกตเห็นแสงใต้ในรัฐ
Tasmania ประเทศออสเตรเลียได้สวยงามและชัดเจนที่สุดจากทุกมุมเลยทีเดียว ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจนะคะ เพราะการเดินทางจากประเทศไทยไปรัฐ
Tasmania ก็สะดวกสบาย สามารถนั่งเครื่องบินไปลงที่
Hobart International Airport ได้เลย