scorezod.com
Menu

10 ที่เที่ยวกัวลาลัมเปอร์ มหานครหลวง หัวใจของมาเลเซีย

     ไม่เพียงแต่เมืองกัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur) จะเป็นเมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย เมืองกัวลาลัมเปอร์แห่งนี้ ยังเป็นศูนย์กลางของการเงิน เศรษฐกิจ และ วัฒนธรรมของประเทศมาเลเซีย เห็นได้จากตึกสูงใหญ่ระฟ้าที่สะท้อนถึงความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ และแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมยุคอาณานิคม (Colonial Architecture) ที่บ่งบอกเรื่องราวทางประวัติศาตร์ของประเทศมาเลเซียได้เป็นอย่างดี 
     จุดเด่นที่ไม่เหมือนใครของเมืองกัวลาลัมเปอร์ คือความหลากหลายทางเชื้อชาติ และ ศาสนาของประชากรที่สามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่เกิดความขัดแย้ง นอกจากนี้ด้วยความที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ เป็นเหมือน Transit Point หรือ ทางผ่านการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อเดินทางไปยังประเทศอื่นๆ เมืองกัวลาลัมเปอร์ จึงเต็มไปด้วยวัฒนธรรม อาหาร และ วิถีชีวิตที่ผสมผสานกับวัฒนธรรมจากทั่วทุกมุมโลก จนทำให้นักท่องเที่ยวต่างให้ฉายาเมืองกัวลาลัมเปอร์ว่าเป็น “International Buffet” นั่นเอง 

      เราขอเริ่มต้นสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองกัวลาลัมเปอร์กันที่ “จัตุรัสเมอร์เดก้า (Merdeka Square)” หรือที่ชาวมาเลเซียเรียกกันว่า “Dataran Merdeka” ซึ่งนอกจากจัตุรัสแห่งนี้จะเป็นที่ตั้งของกลุ่มตึก และ อาคารที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลอันงดงาม ซึ่งตั้งเด่นสง่ากลางใจเมืองหลวงของมาเลเซียแล้ว จัตุรัสเมอร์เดก้า (Merdeka Square) ยังเป็นเสมือนอนุสรณ์สถานแห่งอิสรภาพของประเทศมาเลเซียอีกด้วย ซึ่งไฮไลท์ของจัตุรัสแห่งนี้ คือ เสาธงมาเลเซียที่สูงกว่า 95 เมตร ซึ่งเป็นความสูงของเสาธงที่สูงที่สุดในโลกนั่นเอง
     ซึ่งจัตุรัสเมอร์เดก้า (Merdeka Square) ถูกสร้างขึ้น เมื่อครั้งที่ประเทศมาเลเซียได้รับเอกราชคืนจากประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 1957 ซึ่งหลังจากที่ประเทศมาเลเซียได้รับความเป็นอิสระ ก็ได้มีการชักธงมาเลเซียขึ้นสูงสู่ยอดเสาธงที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้ นอกจากนี้ จัตุรัสแห่งนี้ ยังเต็มไปด้วยแลนด์มาร์กทางประวัติศาสตร์ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมมากมาย เช่น สนามหญ้าหน้าจัตุรัส ซึ่งเดิมที่เคยเป็นสนามเล่นกีฬาคริกเก็ตของนายทหารระดับสูงและกลุ่มชนชั้นปกครองชาวอังกฤษ และ กลุ่มอาคารสถาปัตยกรรมราชวงศ์ทิวดอร์ของอังกฤษมากมาย โดยอาคารที่มีความโดดเด่นมากที่สุด ได้แก่ อาคารสุลต่าน อับดุล ซาหมัด (Sultan Abdul Samad) ซึ่งมีความเก่าแก่ มีอายุร่วม 120 ปี มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมอินเดีย อาหรับ และมาเลเซียได้อย่างสมบูรณ์แบบ

     มาถึงแลนด์มาร์กซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของกรุงกัวลาลัมเปอร์กันต่อ กับที่ตึกแฝดชื่อดังอย่าง ตึกแฝดเปโตรนาส (Petronas Twin Towers) โดดจุดเด่นของตึกแฝดที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวมากที่สุดนั้น หนีไม่พ้น ความสูงของตึก ที่สูงกว่า 88 ชั้น บนความสูงที่เหลือเชื่อกว่า 451.9 เมตร ทำให้ตึกแห่งนี้ กลายเป็นตึกแฝดที่มีความสูงมากที่สุดในโลกนั่นเอง โดยแนวคิดที่อยู่ภายใต้ของการออกแบบตึกนี้ ได้มาจากเสาหินทั้งห้าของศาสนาอิสลาม ตัวอาคารสร้างขึ้นจากคอนกรีตเสริมเหล็ก ตกแต่งด้วยแผ่นสเตนเลส 33,000 แผ่น และกระจกอีก 55,000 แผ่น ประกบทำมุมกันเป็นลวดลายดาวแปดแฉก ทำให้ตึกนี้สะท้อนแสงทั้งในเวลากลางวัน และ กลางคืน ตัวอาคารจะเชื่อมต่อกันที่ชั้น 41 และ 42 ด้วยสะพานลอยฟ้า หรือ Skybridge ที่มีความยาว 58.4 เมตร  
     ซึ่งภายนอกว่าสวยและอลังการมากๆ แล้ว ต้องบอกเลยว่าภายในนั้น มีความงดงามไม่แพ้กัน ภายในอาคารจะเป็นที่ตั้งของสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และ อาร์ตแกลลอรี โดยกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวพลาดไม่ได้เมื่อมาชื่นชมตึกแห่งนี้ คือ ขึ้นลิฟต์ความเร็วสูงไปยังชั้น 86 เพื่อชมวิวเมืองกัวลาลัมเปอร์แบบ 360 องศา ผ่านกระจกจากยอดหอคอยของตึก ซึ่งหากใครที่กลัวความสูง ไม่กล้าขึ้นไปสูงขนาดนั้น วิวเมืองกัวลาลัมเปอร์จากสะพานชั้น 41 และ 42 ก็สวยงามไม่แพ้กัน 

      มาถึงที่เที่ยวกัวลาลัมเปอร์ทางศาสนากันบ้าง โดยที่เที่ยวที่พลาดไม่ได้นั้น คือ วัดถ้ำบาตู (Batu Caves) ซึ่งเป็นถ้ำหินปูนอันศักดิ์สิทธิของชาวฮินดู มีอายุเก่าแก่กว่า 400 ล้านปี อีกทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานของพระขันธกุมารที่มีขนาดสูงที่สุดในโลก ด้วยความสูงกว่า 42.7 เมตร ซึ่งแม้ว่าคนไทยรู้จักชื่อท่านกันดีในนามพระขันธกุมาร แต่ในความเชื่อของศาสนาฮินดู เทวรูปองค์นี้มีชื่อว่า พระมูรุกัน (Lord Murugan) ซึ่งท่านเป็นโอรส องค์ที่สองของพระศิวะ และพระแม่อุมาเทวี และเป็นน้องของพระพิฆเนศนั่นเอง โดยท่านเป็นตัวแทนแห่งความฉลาด พละกำลัง ความร่ำรวย ชื่อเสียง ความเที่ยงธรรม และ พลังแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเชื่อว่า หากใครที่มาขอพรจากท่าน จะได้รับพรทั้ง 6 ประการนั่นเอง 
     นอกจากเทวรูปอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดีนั้น คือ บันไดทางขึ้นไปยังถ้ำหินปูนที่มาพร้อมกับสีสันหลากสี จำนวน 272 ขั้น โดยภายในถ้ำบาตู (Batu Caves) นั้น ประกอบไปด้วยถ้ำหลักทั้งหมด 3 ถ้ำด้วยกัน เป็นที่ตั้งของวัด และ และเทพฮินดูหลายองค์ ซึ่งในช่วงเทศกาลไทปูซัม (Thaipusam) นั้น จะหนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาขอพรจากเทพเข้าฮินดู ณ ที่แห่งนี้นั่นเอง 

     อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวแห่งกัวลาลัมเปอร์ที่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวสายมู พลาดไม่ได้เลยนั้น คือ วัดเทียนฮัว (Thean Hou Temple) ซึ่งเป็นวัดจีนที่มีชื่อเสียง และมีความสวยงามที่สุดในเมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย อีกทั้งยังเป็นวัดจีน ที่มีความเก่าแก่ และ ขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย ซึ่งวัดเทียนฮัว (Thean Hou Temple) ประกอบไปด้วยอาคารทั้งหมด 6 อาคารด้วยกัน มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมทางพระพุทธศาสนาแบบจีนโบราณลัทธิเต๋าและลัทธิขงจื้อ ซึ่งไฮไลท์ของวัด คือการตกแต่งรอบอาคารด้วยโคมไฟสีแดง ที่ได้ทำการแขวนไว้บริเวณหลังคาวัดตลอดทั้ง 6 อาคารซึ่งบอกเลยว่าในตอนกลางคืน จะสวย และ งดงามมากๆ 
     นอกจากความสวยงามของวัดแห่งนี้แล้ว สถานที่แห่งนี้ ยังเป็นที่ประดิษฐานขององค์เจ้าแม่กวนอิมและเจ้าแม่ทับทิม ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีนให้ความเคารพเป็นอย่างยิ่ง 

     สะพานซาโลมา (Saloma Link Bridge) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงกัวลาลัมเปอร์อีกหนึ่งแห่งที่ได้รับความนิยม และ รับรองว่าความสวยงามถูกใจสายอินฟลูเอนเซอร์ทั้งหลายแน่นอน โดยสะพานแห่งนี้ มีลักษณะ และถูกใช้งานเป็นสะพานลอย เพื่อเดินข้ามถนนไฮเวย์ Ampang-Kuala Lumpur Elevated Highway (Akleh Highway) และแม่น้ำกลัง (Klang River) โดยมีความยาวกว่า 370 เมตร เชื่อมต่อระหว่างเขตหมู่บ้านขนาดเล็ก Kampung Bharu ของกัวลาลัมเปอร์ กับ เขตพื้นที่ความเจริญรุ่งเรืองของเมือง โดยความพิเศษของสะพานแห่งนี้ คือความสวยงาม ซึ่งสร้างด้วยโครงสร้างเหล็ก ประดับตกแต่งด้วยกระจกสีเขียวมรกตและสีใสเป็นมุมโค้งรอบๆ สะพาน ซึ่งในตอนกลางวันจะสามารถสะท้อนแสงแดดได้อย่างงดงาม นอกจากนี้ภายในสะพานยังติดหลอดไฟ LED มากกว่า 4,000 ดวง ซึ่งจะเปิดไฟในตอนกลางคืน กลายเป็นแสงสีที่สวยงาม  
     และด้วยความที่สะพานแห่งนี้ อยู่ห่างจากตึกแฝดเปโตรนาส (Petronas Twin Towers) เพียงแค่ 300-400 เมตรเท่านั้น ทำให้เมื่อมาเยือนสะพานในเวลากลางคืน นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้รับชมการแสดงของแสงไฟบนสะพานแล้ว ยังสามารถมองเห็นแสงไฟของตึกแฝดอันยิ่งใหญ่ไปพร้อมๆ กันได้อีกด้วย  

     River of life หรือ สายน้ำแห่งชีวิต เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของกรุงกัวลาลัมเปอร์ อยู่ติดกับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของกรุงกัวลาลัมเปอร์ เช่น จัตุรัส Merdeka square และ มัสยิดจาเม็ก Jamek Mosque ซึ่งแม่น้ำแห่งนี้ เป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านใจกลางตัวเมืองกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งมีความเชื่อว่า แม่น้ำแห่งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการก่อสร้างเมืองกัวลาลัมเปอร์ขึ้นมานั่นเอง
     ในปัจจุบัน แม่น้ำแห่งนี้ ได้ถูกตกแต่งให้เกิดความสวยงาม มีการประดับด้วยแสงไฟ และ น้ำพุที่ไหลออกมาจากแสงไฟเป็นความยาวกว่า 500 เมตร ซึ่งในช่วงค้ำ จะมีการเปิดไฟ กลายเป็นอีกมุมท่องเที่ยว หรือ สถานที่เดต ที่สวยงามใจกลางเมืองหลวงอันแสนวุ่ยวานของมาเลเซียนั่นเอง 

     อีกหนึ่งกัวลาลัมเปอร์ ที่เที่ยวที่นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาดไปเยือนชมความสวยงามนั้น คือ ที่ถนนสตรีทอาร์ต Jalan Alor Street Art  ซึ่งถนนแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่าน Bukit Bintang นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปได้อย่างง่ายดาย โดยลงที่สถานี Bukit Bintang ถือเป็นมุมถ่ายรูปยอดฮิตของเมืองกัวลาลัมเปอร์ก็ว่าได้ ความโดดเด่นของถนนแห่งนี้ คือ จิตรกรรมภาพวาดฝาผนังที่สดใหม่ เพราะพึ่งจะทำการทาสีใหม่ไป ทำให้รูปถ่านที่ออกมานั้น ดูสวยงาม และ มีชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่ง โดยในแต่ละซอย จะมีตีมศิบปะที่แตกต่างกันไป ซึ่งรับรองว่า ตื่นตาตื่นใจ เดินเที่ยวชมได้ไม่เบื่อแน่นอน นอกจากนี้ ถนนเส้นนี้ยังเป็นถนนที่เต็มไปด้วยร้านอาหารโต้รุ่ง คาเฟ่ และ ร้านขายของน่ารักๆ มากมายหลายร้าน ทำให้ระหว่างเดินถ่ายรูป และ ชมความงดงามของตัวเมืองกัวลาลัมเปอร์ นักท่องเที่ยวสามารถแวะรับประทานอาหารพื้นเมืองมาเลเซียไปให้หายเหนื่อยได้พร้อมๆ กัน   

     ห้างสรรพสินค้า NU Sentral เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งนอกจากที่แห่งนี้ จะเป็นห้างสรรพสินค้าใหม่ขนาดใหญ่ของเมือง ซึ่งเชื่อมต่อกับสถานี KL Sentral ซึ่งเป็นสถานีรถไฟสำคัญของเมือง เป็นจุดเชื่อมต่อกับศูนย์กลางเดินรถไฟฟ้า LRT, รถไฟฟ้าสนามบิน (KLIA Ekspres และ KLIA Transit), รถไฟชานเมือง KTM, รถไฟฟ้าระหว่างเมือง ETS, รถทัวร์เที่ยว Genting และ airport bus รวมถึงการเชื่อมต่อกับสถานี KL Sentral ของ monorail โดยห้างแห่งนี้ เป็นหนึ่งในโปรเจคที่ใช้ทุนสร้างกว่า 1.4 พันล้านริงกิต ภายใต้แนวความคิด connectivity, convergence & convenience ห้างNU Sentral เต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์เนม และ ร้านอาหารมากมาย อีกทั้งยังมาพร้อมกับมุมถ่ายรูปสุดฮิต อย่างมุมบันไดเลื่อน (NU Sentral Escalator) ที่ออกแบบและตกแต่งอย่างสวยงามด้วยไม้รูปทรงสีเหมือนจัตุรัสเป็นแฉกเชื่อมต่อกัน โดยโอบล้อมตัวบันไดเลื่อน นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นวิวเมืองกัวลาลัมเปอร์ได้ในขณะขึ้นลงบันไดเลื่อน มุมนี้ถือเป็นอีกมุมฮิตของช่างถ่ายภาพมืออาชีพอีกด้วย  

     เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวกัวลาลัมเปอร์ โดยสวนน้ำแห่งนี้ มาพร้อมกับเครื่องเล่นมากมายกว่า 80 เครื่องเล่น!  ภายในพื้นที่กว่า 88 เอเคอร์ ซึ่งเทียบได้ กับสนามฟุตบอลกว่า 67 สนามเลยทีเดียว ทั้งนี้เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เลือกเล่น และ รับความชุ่มฉ่ำของสวนน้ำสุดหรรษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าร้อน ความพิเศษของสวนน้ำแห่งนี้ คือ ธีมของสวนน้ำที่มาพร้อมกับธีม Nickelodeon (นิคคาโลเดียน) แห่งแรกในทวีปเอเชีย 
    โดยสวนน้ำแห่งนี้ จะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 6 โซนด้วยกัน เป็นสวนสนุกทั้งหมด 4 โซน และ สวนน้ำอีก 2 โซน (Amusement Park, Scream Park, Water Park, Nickelodeon Lost Lagoon, Wildlife Park และ Extreme Park) นอกจากนี้ สวนน้ำแห่งนี้ ยังเชื่อมต่อกับ โรงแรม 3 แห่ง และศูนย์การค้าขนาดใหญ่อีก 1 แห่ง และที่สำคัญ ที่สวนน้ำแห่งนี้ ยังมาพร้อมกับสะพานแขวนคนเดิน ที่ได้ชื่อว่ายาวที่สุดในโลกอีกด้วย! 

     สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่ยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดีในกรุงกัวลาลัมเปอร์ หรือ ใครที่มีเวลาน้อย ไม่มีเวลาเที่ยวเยอะ แต่อยากเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีทุกอย่างในทีเดียว ทาง Artralux ขอแนะนำ เก็นติ้งไฮแลนด์ (Genting Highland) ซึ่งเป็นแหล่งรวมความบันเทิงยอดนิยมในประเทศมาเลเซีย และ เมืองกัวลาลัมเปอร์ อีกทั้งยังเป็นที่ ตั้งของโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้ว
     โดยเก็นติ้งไฮแลนด์ (Genting Highland) นั้น ตั้งอยู่บนยอดเขาที่สูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 6,500 ฟุต ดังนั้นนักท่องเที่ยวจึงต้องเดินทางขึ้นไปด้วยกระเช้าลอยฟ้า (กระเช้า Awana Skyway) โดยจะใช้เวลานั่งประมาณ 10 นาที ซึ่งในระหว่างทางนอกจากวิวเมืองกัวลาลัมเปอร์แบบพาโนราม่า และ ป่าฝนด้านล่างที่มีอายุกว่า 130 ปีแล้ว นักท่องเที่ยวยังจะได้สัมผัสกับอากาศเย็นสบาย เนื่องจากกระเช้าจะพาเราขึ้นไปยังที่สูงเหนือระดับพื้นดินเรื่อยๆ อากาศระหว่างทางจึงหนาวเย็นลงนั่นเอง ซึ่งระหว่างทางขึ้นไปยัง เก็นติ้งไฮแลนด์ (Genting Highland) จะได้พักสักการะเทพเจ้าพระอาจารย์ชิน สวี ณ วัดชิน สวี ที่ความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 4,600 ฟุต ซึ่งภายในวัดนั้น ประกอบไปด้วยเจดีย์ 9 ชั้น ร้านอาหาร และ พระพุทธรูปให้สักการบูชา ซึ่งเรียงรายไปตามทางเลียบภูเขา 

โพสต์โดย : Kingdom Kingdom เมื่อ 5 ธ.ค. 2566 13:06:03 น. อ่าน 72 ตอบ 0

facebook