นอกจากพีระมิดขั้นบันไดแล้ว
ที่ Saqqara ยังมีพีระมิดอื่น ๆ อีกมากมายหลายร้อยแห่ง เพราะเป็นสถานที่สร้างสุสานของฟาโรห์องค์ต่าง ๆ แห่งอาณาจักรอียิปต์ หลังจากอียิปต์ล่มสลายพีระมิดหลายแห่งถูกทรายกลบฝังไปตามกาลเวลา จนถึงช่วงปีศตวรรษที่ 19 ก็ได้มีการขุดค้นทางโบราณคดีจนทำให้เผยความมหัศจรรย์กลับมาสู่สายตาชาวโลกอีกครั้ง
มหาพีระมิดแห่งกีซ่านั้นถือว่าเป็นแลนด์มาร์กของประเทศอียิปต์อย่างแท้จริง
เพราะเป็นสถานที่ไฮไลท์หลักของนักท่องเที่ยวและภาพยนตร์ดังหลายเรื่องมักจะมาถ่านทำที่นี่บ่อย ๆ จนทำให้พีระมิดเป็นที่จดจำของสายตาชาวโลก สำหรับการเดินทางมาท่องเที่ยวนั้นก็ทำได้ง่าย เพราะอยู่ใกล้กับกรุงไคโร เมืองหลวงของประเทศ มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมมากมาย
นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาเดินชมกับงานสถาปัตยกรรมอันอลังการเหล่านี้ได้ทั้งวัน และมีมุมไฮไลท์ในการถ่ายรูปมากมาย โดยเฉพาะทางเดินด้านหน้าที่มีประติมากรรมแกะตั้งเรียงหลายอย่างเป็นระเบียบประหนึ่งเป็นการต้อนรับผู้ที่เดินทางมาถึงวิหารแห่งนี้ สำหรับใครที่ต้องการเดินทางมาชมวิหาร
Karnak Temple ก็เดินทางมาไม่ยากเพราะตัววิหารตั้งอยู่บริเวณทางตอนเหนือของเมือง Luxor เพียง 2.5 กิโลเมตรเท่านั้น
หลังจากที่ราชวงศ์ของอียิปต์ได้สร้างพีระมิดเป็นสุสานมาอย่างยาวนาน ก็ถึงจุดที่ต้องปรับรูปแบบของการสร้างสุสานใหม่ให้ประหยัดงบประมาณและเลี่ยงต่อการโดนปล้นสุสาน
Valley of the Kings หรือสุสานแห่งบรรพกษัตริย์ถึงถูกสร้างขึ้นมาบนริมฝั่งของแม่น้ำไนล์ใกล้กับเมือง Luxor เมืองหลวงสำคัญในสมัยนั้น การสร้างสุสานจะมีการปรับรูปแบบโดยการเจาะช่องภูเขาพร้อมทำเป็นห้องต่าง ๆ
เพื่อเก็บพระศพของฟาโรห์องค์ต่างๆ ภายในมีงานจิตรกรรมภาพเขียนสีที่บอกเล่าเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย พร้อมกับเก็บสมบัติและของมีค่ามากมายให้กับฟาโรห์แต่ละพระองค์
Valley of the Kings
เป็นสุสานของฟาโรห์องค์ต่าง ๆ มากมาย กว่า 64 แห่ง แต่ที่เราคุ้นหูมากที่สุดก็คือสุสานของ Tutankhamun เนื่องจากสุสานนั้นอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยการงัดแงะหรือถูกทำลายมาก่อน ซึ่งยูเนสโก้ก็ได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกในเวลาถัดมา การเดินทางมาเที่ยว Valley of the Kings
นั้นจะได้สัมผัสกับการเดินชมสุสานของราชวงศ์องค์สำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Tutankhamun, Rameses ที่ 2, Rameses ที่ 3 เป็นต้น ซึ่งในแต่ละสุสานก็จะมีการเขียนภาพจิตรกรรมที่บ่งบอกถึงชีวประวัติของฟาโรห์องค์นั้น ๆ เรียกได้ว่าให้กลิ่นอายของความตื่นเต้นในแนวผจญภัยในสมัยโบราณเป็นอย่างยิ่ง
ในประวัติศาสตร์ของวัฒนธรรมอียิปต์โบราณ ฟาโรห์ทุกองค์ที่ขึ้นครองราชย์จะเป็นเพศชายทั้งหมด แต่มีเพียงฟาโรห์ Hatshepsut องค์เดียวที่เป็นเพศหญิง และพระองค์มีความสามารถไม่ต่างจากชายใด ๆ เลยเช่นกัน
การขึ้นครองราชย์ของฟาโรห์ Hatshepsut นั้นเริ่มต้นจากการที่พระองค์
ที่เป็นมารดาเลี้ยงของฟาโรห์ Tuthmosis ที่ 3 ได้ประกาศยึดอำนาจ และตั้งตนเองเป็นบุตรีของสุริยเทพ Amon-ra ซึ่งทำให้ก้าวขึ้นมาเป็นฟาโรห์ โดยมีการทำพิธีและแต่งฉลองพระองค์ตามแบบฟาโรห์ชายทั้งหมด รวมถึงมีการติดหนวดออกว่าราชการด้วย จนเป็นที่มาของฉายาฟาโรห์หญิงมีหนวด
สัญลักษณ์ความยิ่งใหญ่ของฟาโรห์ Hatshepsut นั้นคือ
การสร้างวิหาร Temple of Hatshepsut ที่เมือง Luxor โดยเป็นการสลักงานสถาปัตยกรรมบนหน้าผาหินที่มีความสูงกว่า 300 เมตร ภายในนั้นมีงานภาพเขียนสีและงานแกะสลักอันสวยงาม ด้านนอกมีความเป็นพื้นที่โล่งตัดกับเสาหินต่าง ๆ
มีการไล่ระดับทำเป็นระเบียงซ้อนกัน 3 ชั้น ซึ่งสร้างจากหินปูนทั้งสิ้น นับว่าเป็นอีกจุดแลนด์มาร์กที่น่าถ่ายรูปเป็นอย่างยิ่ง ส่วนการเดินทางมาเที่ยวที่นี่ก็แสนสบาย เพราะนั่งรถมาจากเมือง Luxor ไม่นานก็ถึง
ในเวลาต่อมาเมื่อช่วงกลางปี 1,960 ทางรัฐบาลอียิปต์ได้มีโครงการสร้างเขื่อนบริเวณทะเลสาบ Nasser ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้วิหาร Abu Simbel ต้องจมอยู่ใต้น้ำ
ทำให้ทางยูเนสโก้ต้องเข้ามายกพื้นวิหารแห่งนี้ให้สูงกว่าระดับน้ำในทะเลสาบ ซึ่งโครงการดังกล่าวนับเป็นการปรับปรุงทางโบราณสถานครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เนื่องจากต้องเคลื่อนย้ายวิหารรวมถึงโครงสร้างภูเขาแทบทั้งหมด วิหาร Abu Simbel จึงมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
จุดเด่นของเมืองเล็กซานเดรียคือความงามทางสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างสไตล์อียิปต์โบราณกับวัฒนธรรมของโรมันไว้ด้วยกัน นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมของอียิปต์ผ่านการเดินทางไปท่อ