scorezod.com
Menu

จากมหาวิทยาลัยฮ่องกงและเพื่อนร่วมงานได้ประเมินความสัมพันธ์ระหว่างการใช้ยา

จากมหาวิทยาลัยฮ่องกงและเพื่อนร่วมงานได้ประเมินความสัมพันธ์ระหว่างการใช้ยา statinกับผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องกับ AF ในผู้ป่วย AF การวิเคราะห์รวมผู้ป่วย 51,472 รายที่มี AF ที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยใหม่ (พ.ศ. 2553 ถึง พ.ศ. 2561) จำแนกตามการใช้ยากลุ่มสแตติน (บุคคล 11,866 คน) และไม่ใช้ยาสแตติน (บุคคล 39,606 คน)

นักวิจัยพบว่าในระหว่างการติดตามค่ามัธยฐานที่ 5.1 ปี การใช้ยา statin <span style="color: #ff7f19;"><strong><a href="https://watsangpradit.ac.th/%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%9a/" target="_blank" style="color: #ff7f19;">โรคหลอดเลือดสมองอักเสบ</a></strong></span> ก่อนหน้านี้มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับความเสี่ยงที่ต่ำกว่าสำหรับโรคหลอดเลือดสมองตีบ (IS) / systemic embolism (SE) เมื่อเทียบกับการไม่ใช้ยา statin (อัตราส่วนความเป็นอันตรายย่อย (SHR), 0.83) . พบรูปแบบที่คล้ายกันสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างการใช้สแตตินก่อนหน้านี้กับโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน (HS; SHR, 0.93) และ TIA (SHR, 0.85)

การใช้ยาสแตตินเป็นเวลาหกปีขึ้นไปทำนายความเสี่ยงที่ต่ำกว่าสำหรับ IS/SE, HS และ TIA (SHRs, 0.57, 0.56, 0.58 ตามลำดับ) เมื่อเทียบกับการใช้ยาสแตตินในระยะสั้น (สามเดือนถึงน้อยกว่าสองปี) ในการวิเคราะห์แบบแบ่งชั้น พบว่าความเสี่ยงที่ต่ำกว่าสำหรับ IS นั้นสัมพันธ์กับการใช้สแตตินอย่างสม่ำเสมอ

โพสต์โดย : bangsri bangsri เมื่อ 27 พ.ค. 2566 00:59:09 น. อ่าน 84 ตอบ 0

facebook