scorezod.com
Menu

กรดไขมันโอเมก้า-3

แหล่งอาหารของ EPA และ DHA ที่มีอยู่อย่างแพร่หลายที่สุดคือปลาที่มีน้ำมันเช่นปลาแซลมอนปลาเฮอริ่งปลาแมคเคอเรลปลาแองโชวีและปลาซาร์ดีน น้ำมันจากปลาเหล่านี้มีโอเมก้า 3 มากกว่าโอเมก้า 6 ประมาณเจ็ดเท่า ปลาที่มีน้ำมันอื่นๆ เช่นปลาทูน่าก็มีn -3 ในปริมาณที่ค่อนข้างน้อยกว่าเช่นกัน แม้ว่าปลาจะเป็นแหล่งอาหารของกรดไขมันโอเมกา-3 แต่ปลาไม่สังเคราะห์กรดไขมัน โอเมก้า3 แต่ได้รับจากแหล่งอาหารของปลา รวมทั้งสาหร่ายหรือแพลงก์ตอน เพื่อให้ปลาทะเลที่เลี้ยงมีปริมาณ EPA และ DHA เทียบเท่ากับปลาที่จับได้ตามธรรมชาติ อาหารของปลาเหล่านี้ต้องเสริมด้วย EPA และ DHA ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ในรูปของน้ำมันปลา ด้วยเหตุนี้ 81% ของปริมาณน้ำมันปลาทั่วโลกในปี 2552 ถูกบริโภคโดยการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ น้ำมันคริลล์เป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า-3 ผลของน้ำมันคริลล์ในปริมาณที่ต่ำกว่าของ EPA + DHA (62.8%) แสดงให้เห็นว่าคล้ายกับน้ำมันปลาต่อระดับไขมันในเลือดและเครื่องหมายของการอักเสบในมนุษย์ที่มีสุขภาพดี แม้ว่าคริลล์จะไม่ใช่สัตว์ใกล้สูญพันธุ์แต่คริลล์ก็เป็นอาหารหลักของสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรหลายชนิด รวมทั้งวาฬ ทำให้เกิดความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความยั่งยืนของพวกมัน การศึกษาเบื้องต้นบ่งชี้ว่ากรดไขมันโอเมกา-3 DHA และ EPA ที่พบในน้ำมันคริลล์อาจมีทางชีวภาพ มากกว่า ในน้ำมันปลา นอกจากนี้ น้ำมันเคยยังมีแอสตาแซนธินซึ่งเป็น สารต้านอนุมูลอิสระ คีโต แคโรทีนอยด์ ที่มาจากทะเลซึ่งอาจทำหน้าที่เสริมฤทธิ์กับ EPA และ DHA

โพสต์โดย : JO JO เมื่อ 8 พ.ค. 2566 17:28:56 น. อ่าน 93 ตอบ 0

facebook